วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประสบการณ์

โอเวอร์ไทม์ 




ผมชื่อ 'บอย' เรียนจบปวส.จากวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ทันทีที่จบ บริษัทที่ผมฝึกงานอยู่ตอนปีสุดท้าย ก็รับผมเข้าเป็นพนักงานประจำเลย ผมจบบัญชีมา ก็เลยได้ทำงานที่ตรงกับสายวิชาที่เรียนมา งานบัญชีนี้ค่อนข้างหนักพอดู โดยเฉพาะช่วงสิ้นเดือนที่ต้องทำงานพิเศษอยู่จนดึกดื่นหลายคืนติดต่อกัน แล้วถ้ายิ่งเป็นช่วงปิดบัญชีกลางปี และสิ้นปีด้วยแล้ว ผมจะต้องกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ติดต่อกันเป็นอาทิตย์เลยด้วยซ้ำไป
          ที่บริษัทมีหนุ่มวัยใกล้สามสิบอยู่คนหนึ่ง ชื่อว่า 'กร' ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการของแผนกการตลาด หลายๆ คนในบริษัทบอกว่าเขาเป็นทั้งผู้ช่วยและคู่ขาผู้จัดการไปพร้อมๆ กันเลย "ไอ้นี่เส้นมันใหญ่...." เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของผมบอกให้ฟัง "...ใครในแผนกไปขัดใจไม่ได้นะ ดีไม่ดีตกงานเอาง่ายๆ เลยล่ะ" "แต่พี่กรเขาก็ดีนี่" ผมแย้ง เพราะหลายครั้งที่พี่กรพูดคุยกับผมอย่างเป็นกันเอง "ไม่เห็นมีปัญหากับใครเลยนี่นา" "ที่นายเห็นว่าเขาไม่มีปัญหากับใคร เพราะไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับเขาต่างหาก ไม่มีใครยุ่งด้วย แล้วจะมีปัญหาได้ไง?" พี่กรไม่ใช่คนหนุ่มที่หล่อมากมาย แต่เป็นคนขาว รูปร่างดี สูง โปร่ง แต่แต่งตัวดี ก็เลยทำให้ดูมีเสน่ห์กว่าหนุ่มหลายๆ คนในบริษัท
         เย็นวันหนึ่งเป็นระยะปิดบัญชีสิ้นเดือน ผมต้องทำล่วงเวลาตามปรกติ แต่วันนี้กลับพิเศษกว่าทุกครั้ง ผมเดินออกไปหาอาหารเย็นกินตอนเกือบหกโมงเย็น ผ่านห้องทำงานของแผนกการตลาด พี่กรกำลังนั่งหน้าเครียดอยู่หน้ามอนิเตอร์ ผมใช้เวลากลับอาหารเย็นยี่สิบกว่านาที กลับมาพี่กรก็ยังนั่งอยู่ในกริยาเดิม "พี่นิ่ม ขอกาแฟให้ผมถ้วยสิครับ" เสียงเขาพูดโดยที่ไม่ละสายตาจากหน้าจอ ผมหันรีหันขวาง เพราะเห็นพี่นิ่มแม่บ้าน กลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ผมตัดสินใจเข้าไปถามแกในห้อง "พี่กร จะเอากาแฟหรือครับ?"
         พี่กร เงยหน้าขึ้นมองผมผ่านแว่นสายตากรอบใส "อ้าว.. บอย ขอโทษที พี่นึกว่าพี่นิ่มซะอีก" แกยิ้มแก้เขิน ผมเพิ่งสังเกตลักยิ้มของพี่กร น่ารักจังครับ "พี่นิ่มกลับไปแล้วครับ" ผมบอก "อ้าว.. เหรอ" แกพูดจบแล้วทำท่าจะลุก ผมจึงรีบเสนอตัวเพื่อสร้างมิตรภาพ "ผมไปชงให้ก็ได้ครับ พี่กร" แกมองหน้าผมอย่างแปลกใจกับข้อเสนอของผม
           "ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ จะรับกาแฟกี่ช้อนดีครับ" ผมยืนยัน พี่กรลงนั่งลงตามเดิม "สองช้อนครับ น้ำตาลก้อนเดียว... ขอบใจมากนะบอย" พูดจบพี่กรก็ยิ้มอีกครั้ง นี่ล่ะครับที่ผมอยากเห็นจริงๆ ผมชงกาแฟเสร็จก็กลับเข้ามาหาพี่กรอีกครั้ง แกกล่าวขอบใจผม และไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้ผมเป็นรางวัล ก่อนที่ผมจะขอตัวกลับไปทำงานทั้งๆ ที่ไม่อยากจะกลับออกไปเลย
            ผมเดินตัวลอยกลับเข้ามาในห้อง แล้วก็ต้องจำทนมานั่งง่วนกับตัวเลขตามเดิม สักพักใหญ่ก็เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังง่วงก็เลยตัดสินใจลุกไปเดินเล่นเพื่อ ผ่อนคลาย เดินไปมาอยู่ในห้องบัญชีก็ชักเบื่อๆ เลยเดินออกไปนอกห้องบ้าง ผ่านห้องพี่กรที่เปิดประตูไว้ มีเสียงเพลงเบาๆ ดังออกมา แต่ไม่มีพี่กร "อ้าว... ไปไหนแล้ว" ผนนึกในใจ "สงสัยไปห้องน้ำ" ความคิดสนุกๆ เกิดขึ้นในสมองอย่างทันควัน ถ้าพี่กรไปเข้าห้องน้ำมันก็เป็นสิ่งที่ผมน่าจะลองเข้าไปดู ตรวจตราว่าเขาจะอยู่ในสภาพอย่างไร ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ จริงอย่างที่คิด ประตูห้องน้ำปิดอยู่หนึ่งห้อง
           ต้องเป็นพี่กรแน่ ผมตื่นเต้น พยายามหาจุดที่พอจะแอบมองได้ แต่ยังไม่ทันจะหาเจอ พี่กรก็ออกมาก่อน "อ้าว.. บอย" เขายิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบเจื่อนๆ "มีอะไรหรือ ทำไมทำหน้าแปลกๆ อย่างนั้น?" "เอ้อ.. เปล่าครับพี่ ไม่มีอะไรหรอกครับ" บอยจะเข้าห้องน้ำเหรอ เอ๊ะ... ห้องว่างๆ ก็มีนี่นา" "คือว่า... ผม" ผมอึกอักหน้าซีดเต็มที ในคอเหมือนกับมีอะไรไปอุดเอาไว้แน่นทำให้พูดไม่ออก "หรือว่า..." พี่กรทิ้งระยะเล็กน้อย "...บอยมาแอบดูพี่เข้าห้องน้ำหรือครับ" พูดจบก็ยิ้มเสน่ห์ส่งให้ผม "จะดูก็บอกตรงๆ ก็ได้ครับ พี่ยินดีให้ดู"
         หัวใจผมพองโตขึ้นมาทันที รีบพยักหน้าตอบรับ พี่กรดึงมือผมให้เข้าไปในห้องน้ำ ผมเหมือนต้องมนต์สะกด แล้วแกก็ปิดฝาโถชักโครกลงเพื่อให้ผมนั่ง แกยืนเท้าสะเอวยิ้มกริ่มมองผม "อยากดูอะไร ก็ดูสิครับ" ผมพูดอะไรไม่ออก ตื่นเต้นไปหมด "เอ้า... หรือว่าเกิดตาขาวมากกว่าตาดำขึ้นมา?"

        โดนสบประมาทแบบนี้ผมก็เลยทนไม่ได้ ใช้สองมือปลดเข็มขัดกางเกงพี่กรออก แก้ตะขอกางเกง รูดซิบลง ทันใดกางเกงของพี่กรก็รูดลงไปกองที่ข้อเท้า พี่กรยืนกึ่งเปลือยต่อสายตาผม ผมจ้องเป้าหมายที่กางเกงชั้นในสีขาวปกคลุมอยู่ตาไม่กระพริบ "แน่ใจหรือครับ ว่าจะให้ผมดูต่อ?" ผมเงยหน้ามองแก พี่กรยิ้ม "บอยแน่จริงหรือเปล่าล่ะครับ?" มันเป็นการสบประมาทอีกแล้ว ผมใช้มือรูดชั้นในพี่กรลงไปจนสามารถมองเห็นอาวุธพี่กรได้เต็มตา อาาา.. ช่างสวยงามจริงๆ ขาว สะอาด ปลายสีชมพู น่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง ผมค่อยๆ เคลื่อนศีรษะเข้าไปฝังใบหน้าลงบนมันอย่างละลานใจ

            "อืมม.. ร้ายเหมือนกันนะบอย" พี่กรส่งเสียงเล็กน้อย ครู่เดียว ผมก็ถอยกลับ "ของพี่กรสวยจังครับ" ผมยิ้มให้แก พี่กรกระหยิ่ม "แล้วของบอยล่ะครับ ทำไมไม่เอาออกมาให้พี่ดูบ้าง?" ผมทนความท้าทายของพี่กรไม่ไหว จัดแจงลุกขึ้นยืนปลดเข็มขัด แกะตะขอกางเกง รูดซิบ แล้วขยับกางเกงเลื่อนลงไปกองที่ข้อเท้าเหมือนพี่กร ท่อนเนื้อของผมดันกางเกงในออกมาจนเห็นเป็นลำยาว ยังไม่ทันที่ผมจะจัดการต่อ พี่กรก็ยื่นมือมาปลิ้นมันออกจากกางเกงใน "โอ๊ะ.." ผมอุทานด้วยความเสียว ท่อนเนื้อยาวผงาดขึ้นชี้เป็นลำตรง "เห็นตัวเล็กขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยนะ" พี่กรกำมันแล้วขยับเข้าออกอย่างไม่มีความกระดากอายเลย
           ครู่เดียวเท่านั้นผมก็รู้สึกเกร็งกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นไปหมดทุกส่วน ผมปัดมือพี่กรออกจากท่อนเนื้อตัวเอง ให้พี่กรหันหลังมือยันผนังห้องน้ำไว้ แล้วค่อยขยับตัวเองเข้าไปหาบั้นท้ายขาวแน่นตึง ท่อนเนื้อถูกจ่อเข้ากับช่องประตูร้อนผ่าว ผมแอ่นสะโพกเข้าไปข้างหน้าช้าๆ ในขณะที่มันค่อยๆ ชำแรกตัวเองเข้าไปในช่องนั้น "อืมมม..." ช่องทางค่อนข้างแน่น แต่ผมก็กดผ่านลงไปจนท่อนเนื้อฝังเข้าไปเกือบมิด เสียงพี่กรครางด้วยความเจ็บปวด มือที่ยันผนังเกร็งจนแดง
          "เฮ้ย... ไอ้บอย" เสียงเรียกดังๆ ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเพื่อนร่วมงานมองอยู่ใกล้ๆ "นั่งหลับแบบนี้เดี๋ยวค่าโอทีก็ไม่ได้หรอกมึง" ผมกระพริบตาปริบๆ ก้มลงมองตัวเองก็เห็นว่ายังอยู่ในสภาพเรียบร้อยและก็ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำ งานตามปกติ ผมมองออกไปที่ห้องการตลาดก็เห็นว่าพี่กรก็กำลังนั่งง่วนอยู่กับงานเช่นเดิม "ตายห่า" ผมรำพึงเบาๆ "นี่กูฝันคาโต๊ะทำงานเลยหรือวะเนี่ยะ!!!"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น